Resume คืออะไร ?
Resume คือ เอกสารสำคัญที่สรุปเกี่ยวกับประวัติการทำงานส่วนบุคคล เพื่อใช้ในการสมัครงาน โดยมีจุดประสงค์หลักๆ คือ ใช้เพื่อเป็นการแนะนำตัวเอง ให้ผู้ว่าจ้างได้รู้จักกับตัวของผู้สมัครงานนั่นเองค่ะ
ซึ่ง Resume นี้จะช่วยให้ผู้อ่านได้ทราบถึงประสบการณ์ ทักษะ รวมถึงความสำเร็จต่างๆ ที่ผู้สมัครเคยร่วมงานกับที่อื่นๆ มาก่อน ดังนั้น ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญอย่างมากในการใส่เนื้อหาบน Resume รวมถึงการสรุปสิ่งต่างๆ ให้เข้าใจได้ง่าย อ่านแล้วเข้าใจถึงสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อออกมา รวมถึงยังต้องสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อ่าน (HR หรือ ผู้ว่าจ้าง) อีกด้วย
อ่านมาถึงจุดนี้แล้วอาจจะรู้สึกว่าการเขียน Resume นั้นยากใช่มั้ยคะ? จริงๆ แล้วเทคนิคการเขียน Resume ให้ออกมาดี ออกมาปัง และต๊าชชช นั้นไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ ไปดูวิธีที่ทุกท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กันได้เลย
วิธีเขียน Resume
1. การเชื่อมประสบการณ์กับงานที่สมัคร
การเขียน Resume ทุกครั้ง ต้องคำนึงถึงเนื้อหางานของตำแหน่งที่สมัครไป การแสดงให้เห็นว่าผู้สมัครเคยผ่านประสบการณ์เดียวกับเนื้อหางานในตำแหน่งนั้นๆ ช่วยให้ทีม HR หรือหัวหน้างาน มั่นใจได้ว่าคุณจะสามารถทำหน้าที่ของตำแหน่งนั้นได้ดี เพราะคุณมีประสบการณ์ในด้านนั้นมาแล้ว
ดังนั้น การอ่าน Job Description จะช่วยให้คุณเข้าใจได้มากขึ้นว่าควรเขียนประสบการณ์อะไรบ้าง รวมถึงการใส่โปรเจคที่คุณเคยทำ
อย่างไรก็ตาม แม้คุณจะมีประสบการณ์ทำงานเป็นจำนวนมาก หรือผ่านโปรเจคมามากมาย สิ่งสำคัญในการเขียน Resume ส่วนนี้ คือ การที่คุณต้องรู้จัก “การจัดลำดับ” ค่ะ เพราะหากคุณใส่ทุกสิ่งทุกอย่างลงไปใน Resume จนยาวเหยียดเป็นสิบกว่าหน้านั้น อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกสับสน และรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เกินความจำเป็นที่จะต้องสนใจ
ดังนั้น คุณควรเลือกประสบการณ์ ที่จะช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพมากขึ้น หรือเลือกลงโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน สำหรับโปรเจคอื่นๆ คุณสามารถนำไปใส่ใน Portfolio ของคุณแล้วส่งเป็นเอกสารแนบแบบสวยๆ เพื่อให้ทีมคัดเลือกบุคลากร หรือ หัวหน้างานไว้นำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบเพิ่มเติมจะดีกว่าค่ะ
2. ตกแต่งให้สวยงาม แต่ต้องไม่หลุดเนื้อหาสำคัญ
การตกแต่ง Resume ให้ดูสวยงามนั้น สามารถทำได้ค่ะ แต่ทำได้อย่างมีขอบเขตจำกัดนะคะ เพราะว่าในตำแหน่งงานแต่ละอันนั้น มีความต้องการ “คน” ที่ไม่เหมือนกัน
ในบางตำแหน่งงานที่จำเป็นต้องใช้ความสร้างสรรค์ การออกแบบ Resume ให้มีความแปลกใหม่ สะดุดตา ย่อมช่วยให้ผู้ว่าจ้างสนใจมากกว่า Resume ธรรมดา ที่ไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจเลยนั่นเอง ในทางตรงกันข้าม บริษัทส่วนใหญ่ ก็มีแนวโน้มที่จะรับ Resume ที่มีความเป็นทางการมากกว่า เนื่องจากสามารถคัดกรองได้ง่ายและรวดเร็วนั่นเองค่ะ
แต่ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ แม้จะเป็นรูปแบบที่เป็นทางการ ก็สามารถใช้สีอื่นๆ นอกจากสีดำเข้ามาตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้ Resume ของคุณมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยไม่ควรใช้สีที่ฉูดฉาดเกินไป และต้องจัดวางข้อมูลให้ดูอ่านง่าย เป็นสัดส่วน
สิ่งสำคัญที่สุดในการตกแต่งนั้น คือ เนื้อหาสำคัญต่างๆ ของคุณต้องไม่หายไป และไม่ลืมที่จะใส่ประสบการณ์ทำงาน ผลงานที่ผ่านมา หรือข้อมูลส่วนตัว ไม่ใช่ว่าออกแบบสวยงามมาก แต่ลืมข้อมูลเหล่านี้ ทาง HR ที่อ่านอาจเกิดอาการงงขึ้นมาได้ค่ะ
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้แถบวัดค่าความสามารถ หรือกราฟต่างๆ ใส่เข้าไปใน Resume เพราะการวัดผลค่าต่างๆนั้น ไม่มีความเป็นมาตรฐาน เช่น หากต้องการบอกถึงความสามารถของระดับภาษาอังกฤษ ก็ไม่ควรใส่เป็นกราฟค่าพลัง แต่ควรใส่เป็นผลการสอบวัดระดับเข้าไปเลย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่คัดกรองนั้นเข้าใจได้ง่ายกว่า รวมถึงดูน่าเชื่อถือมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
3. เขียนให้ทุกคนอ่านแล้วเข้าใจ
คนที่อ่าน Resume นั้น ไม่ใช่แค่หัวหน้างานในแผนกนั้นๆ แค่คนเดียว แต่กว่าจะไปถึงกระบวนการนั้นได้ ผู้ที่คัดกรอง Resume เป็นด่านแรกนั้นคือ HR Recruitment ดังนั้น การจะให้ทีม HR อ่าน Resume ที่มีหลายร้อยฉบับอย่างละเอียดครบถ้วน จึงถือว่าเป็นเรื่องยากมาก
การจัดวางข้อมูลเนื้อหา และการใช้ภาษาที่ง่าย อ่านแล้วเข้าใจอย่างรวดเร็ว จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ Resume ของคุณมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทักษะเฉพาะทางต่างๆ เช่น สาย IT การเขียนระบุโปรเจคมาเพียงแค่ชื่อของโปรเจคนั้นๆ อาจทำให้ยากต่อความเข้าใจว่า โปรเจคนั้นเกี่ยวข้องกับงานด้านไหน การอธิบายเพิ่มเติมว่าโปรเจคนั้นๆ เกี่ยวข้องกับอะไร ผลลัพท์ที่ได้จากโปรเจคคืออะไร ก็ช่วยให้คนอ่านเห็นภาพรวมได้มากขึ้นค่ะ
ถ้ามีความสามารถเกี่ยวกับโปรแกรมเฉพาะด้านต่างๆ ก็ไม่ควรใส่มาเป็นโลโก้ของโปรแกรมนั้น ควรใส่เป็นชื่อโปรแกรมไปเลยเพื่อที่ทาง HR จะได้สามารถนำไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้นั่นเอง
4.ตรวจทานทุกครั้งก่อนส่งใบสมัครเสมอ
คงเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมาก หากสิ่งที่ทำมาทั้งหมดกลับล้มเหลวด้วยแค่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย การตรวจทานข้อมูลก่อนส่ง จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ผู้เขียน Resume ควรหมั่นตรวจทานเนื้อหา การสะกดคำ การจัดวางหน้ากระดาษ และความถูกต้องของข้อมูล
การส่ง Resume แนะนำว่าควรส่งเป็นไฟล์ .pdf ค่ะ เนื่องจากโอกาสในการเคลื่อนของบรรทัดและตัวอักษรมีน้อยมากจะช่วยลดข้อผิดพลาดเหล่านั้นได้
นอกจากนี้ ผู้เขียนควรอัพเดทข้อมูลใหม่ๆ บนหน้า Resume อยู่เสมอ เมื่อมีความสำเร็จใหม่ หรือได้ร่วมงานโปรเจคที่น่าสนใจ ก็ควรอัพเดทส่วนนี้ลงใน Resume เพื่อช่วยสร้างความน่าสนใจให้แก่ Resume ของตนเองค่ะ
5.เอกสารเพิ่มเติมก็สำคัญ
กระดาษเพียงหน้าเดียวอาจไม่สามารถอธิบายทุกอย่างลงไปได้ ในทุกครั้งที่สมัครงาน ผู้สมัครควรอ่านรายละเอียดของเอกสารให้ดีว่าทางบริษัทต้องการเอกสารอะไรบ้าง หากทางบริษัทต้องการมากกว่า Resume ก็ควรส่งให้ครบถ้วน โดยเฉพาะงานสาย Design และ Creative ที่ต้องส่งผลงานต่างๆ เพื่อใช้ในการประกอบพิจารณา
ดังนั้นทุกครั้งที่สมัครจึงควรส่ง portfolio แนบไปด้วย ถึงแม้ว่าสายงานของคุณจะไม่ใช่สายงานเหล่านี้ แต่การมี portfolio ก็สามารถช่วยให้ผู้รับสมัครได้เห็นภาพของงานที่คุณทำ หรือประสบการณ์ต่างๆ ที่คุณได้เคยทำในบริษัทก่อนๆ รวมไปถึงโปรเจคอื่นๆ ที่คุณไม่สามารถใส่ใน Resume ได้หมด คุณสามารถนำมาข้อมูลเหล่านั้นมาใส่เป็นข้อมูลเพิ่มเติมใน Portfolio ได้อีกด้วย
แม้ว่าการเขียน Resume จะมีหลากหลายรูปแบบและมีเทคนิคที่หลากหลาย สิ่งสำคัญคือการพยายามอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณเองให้ทางบริษัทได้เห็นถึงศักยาภาพของตัวคุณเอง ดังนั้นทุกครั้งที่คุณเขียน Resume ควรนึกถึงตัวคุณเอง สิ่งที่คุณทำ หรือประสบการณ์ต่างๆ และต้องหมั่นอัพเดท resume ตลอดเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นะคะ เพื่อไม่ให้ข้อมูลของคุณตกหล่นนั้นเอง สุดท้ายไม่มี Resume อันไหนที่ไม่ดีบนโลกใบนี้ค่ะ มีเพียงแค่ Resume ที่จะมีข้อมูลครบถ้วนหรือไม่เท่านั้นเอง
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการสมัครงานนะคะ 💃💃💃
Comments