top of page

🔧เบื้องหลังการสร้างระบบดีไซน์มัลติแบรนด์ แบบจริงจัง ไม่เล่นๆ 🎨


เบื้องหลังการสร้างระบบดีไซน์มัลติแบรนด์แบบจริงจัง


การทำระบบดีไซน์ให้ดูโปรเจคขึ้นไปอีกขั้น! ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นแค่การเปลี่ยนสีและฟอนต์แล้วเรียบร้อย นั่นแหละ! คุณคิดผิดแล้ว! นี่คือการผจญภัยของ Pavel Kiselev ที่จะทำให้ทุกอย่างดูง่ายดาย เหมือนการทำอาหารเช้า (แต่อาจจะไม่ง่ายขนาดนั้น!) 😆


TLDR

การเดินทางของ Pavel ในการสร้างระบบดีไซน์เดียวที่จะใช้ได้กับหลายแบรนด์ แพลตฟอร์ม หรือผลิตภัณฑ์ โดยไม่ต้องฟังคำบ่นของลูกค้าทุกครั้งที่เปลี่ยนสีปุ่ม นี่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวระบบเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเครื่องมือและกระบวนการทำงานที่จะทำให้ทุกอย่างลื่นไหลเหมือนเนยบนขนมปัง 🌟


เครื่องมือ


**Source Foundation**: ปลั๊กอิน Figma ที่ช่วยจัดการสี, ระยะห่าง และตัวอักษร รวมถึงคำสั่งเสริมเพื่อสนับสนุนกระบวนการทำงานอื่น ๆ เช่น การสลับตัวแปร การแก้ไขเลเยอร์ และการนำเข้า/ส่งออกสไตล์คอมโพเนนต์


กระบวนการทำงาน


ทุกอย่างหมุนรอบการทำงานอัตโนมัติเพื่อปรับระบบ Source ให้ตรงกับความต้องการเฉพาะ และแน่ละ เราต้องการให้มันดูดีทุกรอบ 🕺


- Fork: คัดลอกไฟล์ต้นแบบแล้วมีที่ปลอดภัยสำหรับการทดลอง ไม่ต้องกลัวว่าไฟล์ต้นฉบับจะพัง!

- Customize: ปลั๊กอิน Source Foundation ช่วยเปลี่ยนสี, ระยะห่าง และสไตล์คอมโพเนนต์ให้เป็นเรื่องง่าย เหมือนการเล่นบล็อค!

- Finetune & Publish: สุดท้าย แต่งแต้มวิญญาณลงในงานของคุณ!


ผลลัพธ์

- ไฟล์ระบบดีไซน์ (ไฟล์ Figma)

- ปลั๊กอิน Figma

- โทเค็น (รีโป GitHub)

- ตัวอย่างการสร้างแบรนด์ (ไฟล์และต้นแบบ Figma)

- Crypto Trader Pro (ไฟล์ Figma)

- การสาธิตสด


ความท้าทาย

การสร้างคัดลอกไฟล์ง่าย แต่การเปลี่ยนระบบทั้งหมดน่ะยากเป็นบ้า การทำเองทุกครั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก นี่แหละที่ทำให้เห็นโอกาสในการทำงานอัตโนมัติ


จุดเด่น

- ควบคุมพาเลตสีได้เต็มที่ ทั้งโหมดแสงและมืด

- เลือกขนาดและมาตราส่วนของตัวอักษรได้

- ปรับระยะห่างได้หลากหลาย

- พรีเซ็ตจากอนุรักษ์นิยมถึงสนุกสนาน

- สไตล์คอมโพเนนต์ที่หลากหลาย


โอ้วว หัวข้อดีมาก! เอาล่ะ มาเปิดกล่องเวทมนตร์กันว่าระบบนี้ช่วยงานชาว UX/UI อย่างไรบ้าง:


1. ประหยัดเวลา: แทนที่จะต้องสร้างดีไซน์ใหม่ทุกครั้งที่มีลูกค้าคนใหม่ (ซึ่งอาจจะน่าเบื่อเหมือนการล้างจานทุกวัน) คุณสามารถใช้ระบบนี้คัดลอกแล้วปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการได้อย่างรวดเร็ว เหมือนมีเวทมนตร์แปลงร่าง!


2. คงความสม่ำเสมอ: ไม่ต้องกลัวว่าปุ่มจะมีสีไม่ตรงกันเหมือนเสื้อผ้าที่กลับด้าน (เพราะเราทุกคนเคยทำผิดพลาดนี้ใช่ไหม?) ระบบนี้ช่วยให้คุณมีความสม่ำเสมอในการออกแบบทุกแบรนด์


3. ปรับแต่งง่าย: ปลั๊กอิน Source Foundation ทำให้การปรับแต่งสี, ฟอนต์, และระยะห่างเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องมานั่งเขียนโค้ดให้ปวดหัว เหมือนใช้แปรงวิเศษในการแต่งหน้า (หรือแต่ง UI ก็แหละ)


4. รองรับหลายแพลตฟอร์ม: ไม่ว่าจะเป็นเว็บ, เดสก์ท็อป, หรือมือถือ คุณก็สามารถออกแบบให้เข้ากับทุกแพลตฟอร์มได้อย่างลงตัว เหมือนพ่อครัวที่สามารถทำอาหารได้ทุกชาติ


5. อัตโนมัติสุดๆ: ขี้เกียจทำเองทุกครั้งเหรอ? ระบบนี้มีการทำงานอัตโนมัติที่ช่วยให้คุณไม่ต้องทำงานซ้ำๆ เหมือนหุ่นยนต์ (แต่ยังมีความคิดสร้างสรรค์อยู่!)


6. สนุกและท้าทาย: การปรับแต่งดีไซน์ไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่เป็นการเล่นสนุกด้วย! การได้ทดลองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ กับปลั๊กอินนี้เหมือนการเล่นเกมดีไซน์ที่ไม่มีวันจบ


สุดท้ายแล้ว ระบบดีไซน์นี้ไม่ได้แค่ช่วยให้คุณมีชีวิตการทำงานที่ง่ายขึ้น แต่มันยังทำให้คุณดูเหมือนฮีโร่ในโลก UX/UI ด้วย! 🦸‍♂️🦸‍♀️ So, let’s make some magic! ✨


สรุป

การทำระบบไวท์เลเบลที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยการแยกส่วนประกอบและสไตล์ออกจากกัน การสร้างระบบดีไซน์ที่ยืดหยุ่นเพื่อรองรับหลายแบรนด์ทำให้ระบบดีไซน์นี้ทำงานได้ดีบนแพลตฟอร์มใด ๆ


แล้วคุณล่ะ คิดว่าอย่างไร? แสดงความคิดเห็นกันหน่อย! 💬


อ่านเพิ่มเติม ได้จาก Link นี้ 🔗 : https://uxdesign.cc/flexible-styles-for-multi-brand-design-systems-638f9c25c227

ดู 70 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page