ในฐานะบรรณาธิการของสื่อออนไลน์ด้านการออกแบบขนาดใหญ่ เราจะได้รับอีเมลจำนวนมากทุกสัปดาห์ที่ส่งข้อเสนอกรณีศึกษาให้เราพิจารณาเผยแพร่บนเว็บไซต์ของเรา ส่วนใหญ่ที่เราได้รับมานั้นมาจากนักศึกษาและนักออกแบบที่เพิ่งเริ่มต้น ซึ่งกำลังมองหาช่องทางที่จะทำให้ผลงานของพวกเขาเข้าถึงผู้ชมวงกว้างขึ้น
บางทีเราเองก็รู้สึกเหมือนกำลังจัดการกับ “โรงงานผลิตกรณีศึกษา” เลยล่ะ! 🏭📚
ลองนึกภาพแบบนี้ — คุณตื่นเช้ามา เปิดอีเมล แล้วพบว่าอินบ็อกซ์ของคุณถูกยึดครองด้วยกรณีศึกษาเยอะจนอ่านไม่ทัน เหมือนกับสนามรบที่เต็มไปด้วยกระสุนกรณีศึกษา (ยิงกันทุกวัน!) 💥💼
สถิติที่น่าสนใจ:
- 271 กรณีศึกษาที่ส่งมาที่ UX Collective ในครึ่งแรกของปี 2019
- 38 กรณีศึกษาใหม่ที่เผยแพร่บน Medium ทุกวันพร้อมแท็ก “UX”
- 52% ของบทความที่เกี่ยวกับ UX ทั้งหมดที่เผยแพร่บน Medium คือกรณีศึกษา
หรือเรากำลังสร้างซอมบี้ UX อยู่? 🧟♂️🧟♀️
บางครั้งการได้รับกรณีศึกษาจำนวนมากที่มีรูปแบบเหมือนกันทุกวันเหมือนกับการดูหนังซอมบี้ซ้ำๆ มันทำให้เรารู้สึกเหมือนทั้งหมดนี้คือสูตรสำเร็จซอมบี้ที่ทำให้ความคิดสร้างสรรค์หายไป! 🧟♂️🧠
นี่คือสัญญาณว่าคุณกำลังเดินเข้าสู่ดินแดนซอมบี้ UX:
1. ทุก Case Study มีหน้าตาเหมือนกัน! 🧑🤝🧑
เหมือนทุกคนซื้อชุดลายเดียวกันจากตลาดนัด!
2. ใช้คำพูดเดียวกันหมด! 🗣️
"เราเจอปัญหา เราแก้ปัญหา เราได้ผลลัพธ์ที่ดี" แล้วไง? ไม่มีใครสนใจแล้ว!
3. ไม่มีใครจำงานของคุณได้!🧠
เหมือนกับการดูหนังที่ต้องเลื่อนหน้าจอทุกๆ 5 นาทีเพราะเนื้อเรื่องเดิมๆ
วิธีที่จะทำให้ UX Case Studies ของคุณมีชีวิตชีวา (และไม่เป็นซอมบี้):
1. เพิ่มมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์! 🌟
เลิกเลียนแบบแล้วมาเล่าเรื่องในแบบของคุณเอง! ลองคิดว่า UX ของคุณคือการเขียนนิยายที่ไม่มีใครเคยอ่านมาก่อน
2. ลองใช้อารมณ์ขันเข้าไป! 😂
ใครว่าการทำงาน UX ต้องจริงจังตลอด? ลองใส่เรื่องราวตลกๆ หรือบทเรียนที่คุณได้เรียนรู้เข้าไป
3. ใช้ภาพประกอบที่ไม่ธรรมดา! 🎨
ใส่ภาพที่สื่อคิดได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ไอคอนเดิมๆ ที่ทุกคนใช้
4. เล่าเรื่องราวจากประสบการณ์จริง! 📖
แชร์ประสบการณ์การทำงานจริงๆ ไม่ใช่การเล่าเรื่องจากประสบการณ์ (ที่ทุกคนก็เล่าเหมือนกันหมด)
จากซอมบี้ UX สู่ฮีโร่ UX! 🦸♂️🦸♀️
การที่จะนำเสนอ UX Case Studies ให้น่าจดจำ คือการใส่ใจในรายละเอียดและใส่ตัวตนของคุณลงไป อย่าให้สูตรสำเร็จทำให้คุณกลายเป็นซอมบี้ ไปเอาชุดฮีโร่ของคุณมาสวมแล้วออกไปสร้างสรรค์งานอย่างเทพเถอะ!
เราเข้าใจดีว่า การจัดการและเขียนกรณีศึกษานั้นต้องใช้แรงและเวลามากแค่ไหน และมันมีประโยชน์มากแค่ไหนต่อดีไซเนอร์ที่พึ่งเริ่มต้นในวงการ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการมีกรณีศึกษามากมายทุกวันเป็นสัญญาณว่าอุตสาหกรรมของเรามีความเคลื่อนไหวมากขึ้นกว่าที่เคย!
แต่ท่ามกลางปริมาณกรณีศึกษามหาศาลนี้ บริษัทจะหาคนเก่งๆ ที่พวกเขาต้องการได้ยังไงล่ะ? แล้วดีไซเนอร์จะทำยังไงให้ตัวเองโดดเด่นในการสมัครงาน? เพื่อที่จะตอบคำถามเหล่านี้ เราต้องถอยกลับไปและพยายามคิดดูว่าทำไมถึงมีกรณีศึกษาจำนวนมากขึ้นในตอนแรก
สัญญาณว่ายุคทองของกรณีศึกษา UX มาถึงแล้ว 🚀
ทุกๆ วันเราเห็นกรณีศึกษาใหม่ๆ โผล่มาเต็ม Medium เหมือนดอกเห็ดหลังฝนตก ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบแอปพลิเคชันใหม่ ไปจนถึงการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ของเว็บไซต์ขายของเก่า เรียกได้ว่าถ้าคุณค้นหา “UX Case Study” คุณจะได้เลื่อนหน้าอ่านไปจนถึงพรุ่งนี้เช้า! ☕💻
แล้วบริษัทจะหาคนเก่งได้ยังไง?
1. ค้นหาเนื้อหาที่แท้จริง: อ่านกรณีศึกษาแบบนักสืบ สังเกตว่าผู้เขียนเข้าใจปัญหาจริงๆ หรือไม่ และพวกเขามีวิธีการแก้ปัญหายังไง
2. มองหาความคิดสร้างสรรค์: หาไอเดียที่ไม่ซ้ำใคร และวิธีการเล่าเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกว่า "ว้าว!"
3. เช็กความสม่ำเสมอและรายละเอียด: คนมีฝีมือจะใส่ใจในรายละเอียดและทำงานอย่างสม่ำเสมอ
แล้วดีไซเนอร์จะโดดเด่นได้ยังไง?
1. เป็นตัวเองในแบบที่ไม่ซ้ำใคร: หยุดเลียนแบบสูตรสำเร็จ ลองใส่ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองลงไปในกรณีศึกษา
2. เล่าเรื่องราวจากประสบการณ์ส่วนตัว: แชร์เรื่องราวและบทเรียนที่คุณได้เรียนรู้จากการทำงานจริงๆ
3. ใช้ภาพประกอบที่ดึงดูด: อย่าใช้แค่ไอคอนมาตรฐาน ลองใช้ภาพที่บอกเล่าเรื่องราวได้ดีและเข้าใจง่าย
ถอดรหัสความลับกรณีศึกษา UX 🕵️♂️✨
และนี่คือเหตุผลที่เราต้องถอยกลับมามองดูใหม่ว่าทำไมถึงมีกรณีศึกษาเยอะขนาดนี้ บางทีอาจเป็นเพราะ อุตสาหกรรม UX กำลังเติบโตและมีการศึกษาและแบ่งปันความรู้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างผลงานที่มาจากใจและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
#UXCaseStudy #ไขความลับ #สร้างความแตกต่าง #เล่าเรื่องให้ใช่
อ่านเพิ่มเติม ได้จาก Link นี้ 🔗 : https://essays.uxdesign.cc/case-study-factory/
Comments